ฟูลวิค เอซิด(Fulvic acid) สารเร่งไบโอสติมูเเลนท์ มีประโยชน์สูงต่อพืชและดินสูง โมเลกุลเล็กกว่า ละลายน้ำได้100%

2 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

ฟูลวิค เอซิด(Fulvic Acid, FA) คือ“สารเร่งเชิงชีวภาพ (biostimulants)”ในกลุ่มสารฮิวมิก(ประกอบด้วยฮิวมิกเอซิด และฟูลวิก เอซิด) ที่ช่วยให้พืชดูดธาตุอาหารจากปุ๋ยที่ใส่ในดินได้มากขึ้น ช่วยปรับกระบวนการทางสรีระทำให้พืชมีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูงขึ้น และทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ทั้งด้านที่เกี่ยวข้องกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป ความแห้งแล้ง ฯลฯ และด้านที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต เช่น โรคพืช “สารเร่งเชิงชีวภาพ” ได้แก่ สารฮิวมิก(Fulvic acid) เนื่องจาก “สารเร่งเชิงชีวภาพ” เหล่านี้เมื่อให้แก่พืชทางดิน ทางใบ หรือใส่ในสารละลายธาตุอาหารสำหรับปลูกพืช มีผลเชิงบวกต่อกลไกการดูดธาตุอาหารของเซลล์พืช โดยมีผลดีต่อลักษณะสัณฐานของรากและการละลายของธาตุอาหารในดิน

ผลที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นพืช ได้แก่ การเจริญเติบโตของรากและส่วนเหนือดินตลอดจนประสิทธิภาพของรากในการดูดธาตุอาหาร

(1) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ธาตุอาหาร
(2) ทนต่อความเครียดจากสภาพแวดล้อมและ
(3) เพิ่มคุณภาพของพืช โดยมิได้คำนึงถึงปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในสารหรือสิ่งที่ให้

ตารางที่ 1 ความแตกต่างด้านการละลายของกรดฟุลวิก กรดฮิวมิก และฮิวมินในด่าง กรดและน้ำ

ชนิดของสารฮิวมิก การละลายในด่าง การละลายในกรด การละลายในน้ำ

-กรดฟุลวิก ละลาย ละลาย ละลาย -กรดฮิวมิก ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย

-ฮิวมีน ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย

คุณสมบัติของฟูลวิค เอซิด

(1) เป็นสารที่มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าฮิวมิกเอซิด มักส่งผลเชิงบวกต่อกระบวนการเชิงชีวภาพของพืชมากกว่า

สารที่มีโมเลกุลใหญ่กว่า และ
(2) ลักษณะโครงสร้างของฟูลวิคเอซิด อันได้แก่ประเภทและการจัดเรียงของหมู่ทำปฏิกิริยา (functional groups) ที่โมเลกุลของสาร มีผลต่อกิจกรรมเชิงชีวภาพของพืชมากกว่าขนาดของโมเลกุล (Canellas et al., 2010; Muscoloet al., 2007)

2.4 ผลของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ต่อการเจริญเติบโตของพืช

สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)มีผลดีต่อพืชหลายด้าน เช่น เพิ่มมวลชีวภาพ (Ayuso et al., 1996; Lee and Bartlett, 1976) เพิ่มจำนวนดอกและผล (Arancon et al., 2006), และทำให้คุณภาพของผลดีขึ้น (Yildirim, 2007; Xu and Leskovar, 2015)ในด้านผลของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ต่อการดูดธาตุอาหารของเซลล์นั้น มีบางธาตุที่สารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ช่วยให้การดูดเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีผลต่อการดูดบางธาตุ (ตารางที่ 2)สำหรับตัวอย่างของกรณีที่สารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ช่วยให้การดูดธาตุอาหารเพิ่มขึ้นมีดังนี้

1) เมื่อทดสอบเพียงช่วงเวลา 16-48 ชั่วโมงสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)กระตุ้นให้เซลล์สร้างอาร์เอ็นเอ นำรหัสและโปรตีนที่เกี่ยวข้องการการดูดไนเทรต จึงส่งเสริมการดูดไนเทรตของเซลล์รากพืช นอกจากนั้นยังพบว่ากิจกรรมของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ไนเทรตที่เซลล์ดูดได้ก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย (Quaggiotti

et al., 2004)

ตารางที่ 2 ผลของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ต่อการดูดธาตุอาหารของพืชชนิดต่างๆ
สารฟูลวิคช่วยเพิ่มการดูดธาตุ ในข้าวโพด N (รูปไนเทรต) P, Fe, Zn Cu, Zn, Mn
ในข้าว P, Mn, Cu, Zn, Fe
ในถั่วเหลือง Zn, Fe

2) ฟูลวิคช่วยให้รากพืชดูดไนโตรเจนและสังกะสี และมีการสะสมธาตุทั้งสองในส่วนเหนือดินสูงขึ้น ส่วนการทดลองในข้าว พบว่าสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ช่วยให้การดูดและสะสมฟอสฟอรัส แมงกานีส ทองแดง สังกะสีและเหล็กมากขึ้นด้วย (Ayuso et al., 1996)

2.5 กลไกที่ฟูลวิคเอซิดมีผลต่อการดูดธาตุอาหารของพืช
ฟูลวิคเอซิดมีผลต่อการดูดธาตุอาหารของรากพืช เนื่องจากหลายกลไกดังนี้ ประการแรกเป็นกลไกที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในดิน ซึ่งมีอยู่ 2 อย่างคือ
(1) ฟูลวิคเอซิดทำให้โครงสร้างของดินดีขึ้นและ
(2) ฟูลวิคเอซิดทำให้ความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดินสูงขึ้น ประการที่สองเป็นกลไกที่มีผลโดยตรงกับกระบวนทางสรีระของพืช ซึ่งมีอยู่ 3อย่าง คือ
1) ผลของฟูลวิคเอซิดต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะสัณฐานของราก
2) ฟูลวิคเอซิดเพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์ H+ATPase และ
3) ฟูลวิคเอซิดทำให้เอนไซม์ที่ควบคุมการใช้ประโยชน์ไนเทรตมีกิจกรรมสูงขึ้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้

2.5.1สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ทำให้โครงสร้างของดินดีขึ้น
การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตราสูงพอสมควร ช่วยเพิ่มปริมาณสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ในดิน ทำให้เสถียรภาพของเม็ดดิน (aggregate stability) สูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากสารฟูลวิคสามารถเชื่อมกับอนุภาคดินเหนียวโดยด้านในมีการเกาะตัวกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างดินเหนียวกับสารฮิวมิก(clay-humic complex) แล้วหันเอาส่วนของโมเลกุลที่มีสมบัติผลักน้ำ (hydrophiliccomponents) ออกมาด้านนอก ทำให้น้ำซึมเข้าไปในเม็ดดินได้ยาก สารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ในโครงสร้างของเม็ดดินจึงคงทนต่อการย่อยสลายโดยกิจกรรมของจุลินทรีย์ทำให้เม็ดดินมีเสถียรภาพสูงและไม่แตกสลายโดยง่ายการเกิดเม็ดดินทำให้ดินมีรูพรุนขนาดเล็ก ปานกลาง และใหญ่ในสัดส่วนที่เหมาะสม ดินจึงถ่ายเทอากาศดี ความชื้นที่เป็นประโยชน์ในดินสูง และการกร่อนดินน้อยลง สมบัติทางกายภาพของดินดังกล่าวส่งเสริมให้รากมีการกระจายในดินได้ง่าย ซึ่งช่วยให้รากพืชมีพื้นที่ผิวมาก รากจึงดูดธาตุอาหารได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตในเรื่องนี้ 2 ประการ (Halpernet al., 2015) คือ

1) เนื่องจากการทำให้ดินมีสมบัติทางฟิสิกส์ทั้งสองด้าน คือโครงสร้างดิน และน้ำในดินเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ต้องการสารฮิวมิก(ฟูลวิก)ปริมาณมาก ดังนั้นปริมาณการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในดินต้องสูงพอ และมีการพรวนกลบซากพืชหลังการเก็บเกี่ยว จนมีการสะสมสารฮิวมิกปริมาณมากมาตรการทั้งสองต้องใช้เป็นประจำทุกปีจึงจะทำให้เม็ดดินในดินชั้นไถพรวนมีเสถียรภาพสูงและสามารถรักษาสมบัติที่ดีดังกล่าวไว้อย่างต่อเนื่อง
2) บทบาทของสารฮิวมิก(ฟูลวิค เอซิด)ต่อสมบัติทางกายภาพของดินที่ดีขึ้น ไม่อาจใช้เป็นคำอธิบายในกรณีผลจากการใช้สารฮิวมิกใส่ในสารละลายธาตุอาหารสำหรับปลูกพืชหรือการฉีดพ่นสารฮิวมิกทางใบ

2.5.2 สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ทำให้ความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัส จุลธาตุในดินสูงขึ้น

ดินในบางสภาพ ฟอสฟอรัสและจุลธาตุในดินละลายยาก เป็นเหตุให้พืชที่ปลูกในดินดังกล่าวขาดแคลนธาตุเหล่านี้ การใส่สารฮิวมิกในดินช่วยเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารหลายธาตุ (Chenet al., 2004; Cesco et al., 2000; Sanchez-Sanchez et al., 2005 ; Delgado et al., 2002).

1) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ช่วยเพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดินและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยฟอสเฟตที่ใช้ ดังนี้

(1) ทำให้สารประกอบแคลเซียมฟอสเฟตที่ละลายยาก ละลายได้มากขึ้น
(2) ลดการตรึงฟอสฟอรัสในดินของปุ๋ยฟอสเฟตที่ใส่ลงไป

(3) ปลดปล่อยฟอสเฟส บางส่วนที่ถูกตรึงให้ออกมาอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์

2) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)เพิ่มความเป็นประโยชน์ของเหล็ก ดังนี้

(1) การใส่สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ส่วนที่ละลายน้ำได้ช่วยให้เหล็กไฮดรอกไซด์ในดินละลายได้มากขึ้น

(2) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ทำปฏิกิริยากับสารประกอบเหล็กในดิน แล้วเกิดสารเชิงซ้อนที่เรียกว่าเหล็ก-ฮิวมิกคอมเพล็กซึ่งละลายได้ เหล็กรูปดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อพืชที่มีกลไกการใช้ประโยชน์จากเหล็กในดินที่

แตกต่างกัน 2 กลยุทธคือหาเหล็กจากดินด้วยกลยุทธที่ 1 และกลยุทธที่ 2 (ดูรายละเอียดจาก ยงยุทธ,2558) คือ

(ก) พวกใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ใช่พืชตระกูลหญ้า ใช้กลยุทธที่ 1

(ข) พวกใบเลี้ยงเดี่ยว เฉพาะพืชตระกูลหญ้า ใช้กลยุทธที่ 2

(3) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)มีความสามารถในการดึงเหล็กที่เคยอยู่ในรูปคีเลตสังเคราะห์ซึ่งตกตะกอนในดินด่างให้ออกมาได้ เมื่อใส่สารฮิวมิกในดินเนื้อปูนหรือแคลคาเรียส เช่น ดึงเหล็กออกมาจากสารประกอบFe-EDDHA ทำให้มะเขือเทศ มะนาวและองุ่นที่ปลูกในดินดังกล่าว นำเหล็กมาใช้ได้มากขึ้น

3) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)เพิ่มความเป็นประโยชน์ของจุลธาตุอื่นในดิน ดังนี้คือ สารฮิวมิกช่วยกระตุ้นให้กิจกรรมของเอนไซม์ H+ATPase ที่เยื่อหุ้มเซลล์ของรากสูงขึ้น ผลจากการที่เซลล์รากขับโปรตอนออกมาสู่ดินที่ผิวรากหรือไรโซสเฟียร์ (rhizosphere)ทำให้พีเอชในบริเวณนั้นลดลง ซึ่งช่วยส่งเสริมให้จุลธาตุพวกโลหะ คือ เหล็ก ทองแดงแมงกานีส และสังกะสีในไรโซสเฟียร์ละลายมากขึ้น

2.5.3 ผลของสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ต่อลักษณะสัณฐานของราก

1) ผลของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)

รากพืชที่ได้รับสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะสัณฐาน (morphology) (Canellas et al.,2002; Zandonadi et al., 2007; Schmidt et al.,2007) ดังนี้

(1) ต้นกล้าของข้าวสาลีที่ปลูกในน้ำกลั่นซึ่งเติมสารฮิวมิกก(ฟูลวิกเอซิด) มีการพัฒนาของรากดีกว่าการปลูกในน้ำกลั่นเพียงอย่างเดียว

(2) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)จากมูลไส้เดือนช่วยเร่งให้ข้าวโพดแตกรากแขนง และทำให้รากยาวขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากสารฮิวมิกมีฤทธิ์คล้ายออกซิน สามารถกระตุ้นกิจกรรมของเอนไซม์ H+ATPase ที่เยื่อหุ้มเซลล์ของราก แล้วมีผลให้เซลล์รากเจริญเติบโตโดยการเพิ่มขนาด

(3) รากของต้นพืช ที่ได้รับสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด) มีความหนาแน่นของขนรากมากขึ้นการที่สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)กระตุ้นการเจริญเติบโตของรากแขนงและเพิ่มจำนวนขนราก ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับการดูดธาตุอาหาร จึงทำให้รากดูดธาตุอาหารได้มากกว่าเดิม

2) ผลของกรดฟูลวิค(ฟูลวิกเอซิด)

(1) กรดฟูลวิคส่งเสริมการพัฒนาของรากแตงกวา กล่าวคือ แตงกวาที่ปลูกในสารละลายธาตุอาหารซึ่งมีกรดฮิวมิก 100 มิลลิกรัมต่อลิตรเป็นเวลา 72 ชั่วโมง มีภาวะสมดุลของฮอร์โมนภายในราก จึงส่งเสริมให้มีการแตกแขนงของรากมากขึ้น (Mora et al., 2012) สำหรับบทบาทของกรดฮิวมิกต่อการเจริญเติบโตด้านส่วนเหนือดินของแตงกวานั้น Mora และคณะ (2010) รายงานว่ากรดฮิวมิกช่วยให้น้ำหนักของส่วนเหนือดินสูงขึ้นขณะเดียวกันก็เพิ่มความเข้มข้นของฮอร์โมนไซโตไคนินและสารพิวเทรสซีน (พอลิอะมีนชนิดหนึ่ง) ช่วยให้กิจกรรมของเอนไซม์โปรตอน-เอทีพีเอส และความเข้มข้นของไนเทรตในส่วนเหนือดินสูงขึ้นด้วย

(2) กรดฟูลวิคส่งเสริมการพัฒนารากในระยะแรกของพืชใบเลี้ยงคู่หลายชนิด การใช้กรดฟูลวิคความเข้มข้น 250 มิลลิกรัมต่อลิตร แช่เมล็ดแตงกวา ดาวเรือง ฟักทองเป็นเวลา 24 ชั่วโมงช่วยให้ต้นอ่อนที่ออกมานั้นมีการแตกรากแขนง และน้ำหนักราก มากกว่าการแช่ในน้ำกลั่นหรือสารละลายธาตุอาหาร (Hartwigsen and Evans, 2000)ผลการทดลองในถั่วปากอ้า (Vicia faba L.) แสดงว่าการเพิ่มกรดฟูลวิค 10 มิลลิลิตรในสารละลาย 1 ลิตรทำให้น้ำหนักสดและนำ้หนักแห้งของรากเพิ่มขึ้น 30.1%และ 56.6% ตามลำดับ และช่วยให้ความเข้มข้นของโพแทสเซียมในพืชเพิ่มขึ้นด้วย (Akinci et al., 2009)

(3) กรดฟูลวิคส่งเสริมการพัฒนารากของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวหลายชนิด ข้าวโพดที่ปลูกในสารละลายธาตุอาหาร ซึ่งใส่กรดฟูลวิค 40 มิลลิกรัมต่อลิตร มีรากยาวขึ้นจากการยึดตัวของเซลล์และมีการแตกรากแขนงมากขึ้น นอกจากนี้กรดฮิวมิกยังช่วยเพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์โปรตอน-เอทีพีเอส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำให้การดูดธาตุอาหารของรากสูงขึ้นด้วย (Canellas et al., 2002) ส่วนข้าวที่ปลูกในสารละลายธาตุอาหารซึ่งใส่กรดฟูลวิค 50 มิลลิกรัมต่อลิตร มีการเจริญเติบโตของรากสูงขึ้น25% สำหรับหญ้าเบนต์ (Agrostis stolonifera L.)ที่ปลูกในสารละลายธาตุอาหาร ซึ่งมีกรดฟูลวิค 400มิลลิกรัมต่อลิตร มีน้ำหนักรากมากขึ้นและกิจกรรมของเอนไซม์ดีไฮโดรจีเนสในรากสูงขึ้น กรดฟูลวิคยังช่วยเพิ่มการสังเคราะห์แสงของใบและเพิ่มความเข้มข้นของแมกนีเซียม แมงกานีสและกำมะถันในเนื้อเยื่อ

2.5.4 สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)เพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์H+ATPase และเอนไซม์ที่ควบคุมการใช้ประโยชน์ไนเทรต

ขั้นตอนแรกที่ออกซินควบคุมให้เซลล์พืชขยายขนาด คือกระตุ้นกิจกรรมของเอนไซม์ H+ATPase

ที่เยื่อหุ้มเซลล์ ส่งผลให้มีการขับโปรตอน (H+) ออกไปที่ผนังเซลล์และเพิ่มสภาพกรดของผนังเซลล์ แล้วจึงมีระบวน การอื่นๆ ตามมา ในที่สุดเซลล์สามารถขยายขนาดได้ สารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)มีบทบาทในเรื่องนี้คล้ายออกซินและส่งผลให้เซลล์รากมีการขยายขนาด ดังที่ได้กล่าวแล้ว(Canellas et al., 2008; Nardi et al., 2000)

อย่างไรก็ตาม ผลสืบเนื่องของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ยังมีอีก 2 ส่วน คือ

(1) ช่วยเพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์H+ATPase ส่งผลให้เซลล์รากดูดไนเทรตได้มากขึ้นและ (2) ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ไนเทรตของพืช

1) ช่วยให้เซลล์รากดูดไนเทรตได้มากขึ้นดังนี้คือการขับโปรตอนออกมายังผนังเซลล์ นอกจากจะส่งเสริมการขยายขนาดเซลล์ดังที่กล่าวแล้ว ยังช่วยให้เซลล์รากดูดไนเทรตได้มากขึ้นอีกด้วย โดยทำให้กลไก

การดูดไนเทรตไอออนด้วยโปรตีนพาหะขนส่งร่วมทางระหว่างไนเทรตกับโปรตอน (NO3- H+-sympoter)

มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจึงมีอัตราการดูดไนเทรตสูงขึ้น(Quaggiotti et al., 2004; Zandonadi et al., 2010)

2) ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ไนเทรตของพืชโดยสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)มีบทบาทต่อเนื่องในการกระตุ้นกิจกรรมของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ไนเทรตของเซลล์พืช ได้แก่ เอนไซม์ไนเทรตรีดักเทส (nitrate reductase) กลูตาเมตดีไฮโดรจีเนส (glutamatedehydrogenase)และกลูตาเมตซินทีเทส (glutamate synthetase) ส่วนของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นกิจกรรมของเอนไซม์เหล่านี้ได้มีลักษณะ 2 ประการคือ สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ที่
(1) มีส่วนของโมเลกุลซึ่งมีสมบัติชอบน้ำ (hydrophilic) และ
(2) มีโครงสร้างของโมเลกุลที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก (Muscolo et al.,2007

2.5.5 ผลของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ต่อกระบวนการเมแทบอลิซึมในด้านต่างๆ เนื่องจากเซลล์รากพืชดูดสารฮิวมิกได้ สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)จึงมีบทบาทในการเร่งการเจริญเติบโตของพืชดังนี้

1) เซลล์พืชดูดสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ได้ เซลล์รากสามารถดูดโมเลกุลของสารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ที่มีขนาดเล็ก แล้วเคลื่อนย้ายสารดังกล่าวสู่ส่วนเหนือดิน และมีผลให้การเจริญเติบโตของพืชดีขึ้น การดูดสารฮิวมิกของเซลล์เป็นดังนี้ รากพืชสามารถดูดกรดฮิวมิกและกรดฟุลวิกได้ แต่ดูดกรดฟุลวิกได้มากกว่ากรดฮิวมิกอัตราการดูดในช่วงแรกเร็วและเป็นกระบวนการแบบแพสซีฟ เนื่องจากเป็นการแพร่ของสารฮิวมิกเข้าไปและสะสมในผนังเซลล์ ส่วนหนึ่งเกาะแน่นอยู่กับผนังเซลล์ ในช่วงต่อมาแม้อัตราการดูดช้าลงแต่ยังดูดได้อย่างต่อเนื่องด้วยกระบวนการแบบแอกทีฟ ซึ่งใช้พลังงานโดยตรงจากเมแทบอลิซึม เซลล์พืชดูดสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ส่วนที่มีโมเลกุลเล็ก น้ำหนักโมเลกุลต่ำกว่า3,500 ดาลตัน ได้มากกว่าสารที่มีโมเลกุลใหญ่(ฮิวมิกเอซิด)และมีน้ำหนักโมเลกุลมากกว่า 3,500 ดาลตัน กลไกการดูดสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ส่วนที่มีโมเลกุลเล็กเป็นกลไกการดูดแบบแอกทีฟ ส่วนที่เซลล์ดูดได้ประมาณ 10-12% เคลื่อนย้ายทางท่อลำเลียงน้ำหรือไซเล็มไปยังส่วนเหนือดิน (Nardi et al., 2002)

2) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)กระตุ้นกระบวนการเมแทบอลิซึมในด้านต่างๆ เมื่อเติมสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)ในสารละลายธาตุอาหาร ทำให้อัตราการหายใจของมะเขือเทศ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลีและข้าวโพดสูงขึ้น การฉีดพ่นทางใบ อัตรา 300 มก./ลิตร ช่วยเพิ่มปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบและอัตราการสังเคราะห์แสงของใบชูการ์บีต การเติมในสารละลายธาตุอาหารปลูกข้าวโพด ช่วยเพิ่มการสะสมน้ำตาลในเซลล์รากข้าวโพด จึงเพิ่มความดันออสโมซิสของเซลล์ ทำให้พืชทนแล้งกว่าเดิม สำหรับยาสูบที่ได้รับสารฮิวมิก(ฟูลวิกเอซิด)มีปริมาณของสารอัลคาลอยด์ในใบเพิ่มขึ้น (Tan, 2003)

3) สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)กระตุ้นการหายใจ

สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ช่วยเพิ่มอัตราการหายใจที่ไมโทคอนเดรีย ส่งเสริมกิจกรรมของวัฏจักรเคร็บ(Kreb cycle) และการสังเคราะห์อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (ATP) อันเป็นสารพลังงานสูง เพิ่มอัตราการสังเคราะห์แสงในใบ และการสร้างกรดอะมิโนเพื่อใช้ในการสังเคราะห์โปรตีน นอกจากนี้ สารฮิวมิก(ฟูลวิคเอซิด)ยังมีผลต่อการกำเนิดสัณฐานของพืช เช่นการเกิดและการพัฒนารูปร่างของใบพืชโดยทำหน้าที่กระตุ้นกิจกรรมของเอนไซม์ที่สำคัญต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว (Muscolo et al., 2007; Morardet al., 2011)

ปุ๋ยและฮอร์โมนพืช

สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ

บัตรประชาชน

บุ๊คแบ๊งค์

คุ้มครองโดยLnwPay

ร้านค้าออนไลน์ Inspired by LnwShop.com (v2)

ตะกร้า

( 0 )

▲

▼

รายการสั่งซื้อของฉัน

เข้าสู่ระบบด้วย

เข้าสู่ระบบ

สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย

สมัครสมาชิก (ฟรี)

รายการสั่งซื้อของฉัน

ข้อมูลร้านค้านี้

ปุ๋ยและฮอร์โมนพืช

บริการ ผลิตภัณฑ์ ฮอร์โมนพืช ปุ๋ยเคมีนำ้ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สารปรับสภาพดิน และ แรกเปลี่ยนความรู้ ทางด้านการจัดการพืช ทุกชนิด ในต้นทุนและราคาเป็นกัันเอง

เบอร์โทร : 0621692564
อีเมล : pprombang@gmail.com

ส่งข้อความติดต่อร้าน

เกี่ยวกับร้านค้านี้

ค้นหาสินค้าในร้านนี้

หรือค้นหาอย่างละเอียด

ค้นหาสินค้า

สินค้าที่ดูล่าสุด

ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน

สินค้าที่ดูล่าสุด

บันทึกเป็นร้านโปรด

Join เป็นสมาชิกร้าน

↑
TOP เลื่อนขึ้นบนสุด